ดาราศาสตร์
ดาราศาสตร์ คือวิชาวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาวัตถุท้องฟ้า (อาทิ ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ ดาวหาง และดาราจักร) รวมทั้งปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากนอกชั้นบรรยากาศของโลก โดยศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการ ลักษณะทางกายภาพ ทางเคมี ทางอุตุนิยมวิทยา และการเคลื่อนที่ของวัตถุท้องฟ้า ตลอดจนถึงการกำเนิดและวิวัฒนาการของเอกภพ
ดาราศาสตร์เป็นหนึ่งในสาขาของวิทยาศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุด นักดาราศาสตร์ในวัฒนธรรมโบราณสังเกตการณ์ดวงดาวบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน และวัตถุทางดาราศาสตร์หลายอย่างก็ได้ถูกค้นพบเรื่อยมาตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม กล้องโทรทรรศน์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่จำเป็นก่อนที่จะมีการพัฒนามาเป็นวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ตั้งแต่อดีตกาล ดาราศาสตร์ประกอบไปด้วยสาขาที่หลากหลายเช่น การวัดตำแหน่งดาว การเดินเรือดาราศาสตร์ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์การสร้างปฏิทิน และรวมทั้งโหราศาสตร์ แต่ดาราศาสตร์ทุกวันนี้ถูกจัดว่ามีความหมายเหมือนกับฟิสิกส์ดาราศาสตร์ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา ดาราศาสตร์ได้แบ่งออกเป็นสองสาขาได้แก่ ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์ และดาราศาสตร์เชิงทฤษฎี ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์จะให้ความสำคัญไปที่การเก็บและการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการใช้ความรู้ทางกายภาพเบื้องต้นเป็นหลัก ส่วนดาราศาสตร์เชิงทฤษฎีให้ความสำคัญไปที่การพัฒนาคอมพิวเตอร์หรือแบบจำลองเชิงวิเคราะห์ เพื่ออธิบายวัตถุท้องฟ้าและปรากฏการณ์ต่างๆ ทั้งสองสาขานี้เป็นองค์ประกอบซึ่งกันและกัน กล่าวคือ ดาราศาสตร์เชิงทฤษฎีใช้อธิบายผลจากการสังเกตการณ์ และดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์ใช้ในการรับรองผลจากทางทฤษฎี
การค้นพบสิ่งต่างๆ ในเรื่องของดาราศาสตร์ที่เผยแพร่โดยนักดาราศาสตร์สมัครเล่นนั้นมีความสำคัญมาก และดาราศาสตร์ก็เป็นหนึ่งในวิทยาศาสตร์จำนวนน้อยสาขาที่นักดาราศาสตร์สมัครเล่นยังคงมีบทบาท โดยเฉพาะการค้นพบหรือการสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
ไม่ควรสับสนระหว่างดาราศาสตร์โบราณกับโหราศาสตร์ ซึ่งเป็นความเชื่อที่นำเอาเหตุการณ์และพฤติกรรมของมนุษย์ไปเกี่ยวโยงกับตำแหน่งของวัตถุท้องฟ้า แม้ว่าทั้งดาราศาสตร์และโหราศาสตร์เกิดมาจากจุดร่วมเดียวกัน และมีส่วนหนึ่งของวิธีการศึกษาที่เหมือนกัน เช่นการบันทึกตำแหน่งดาว (ephemeris) แต่ทั้งสองอย่างก็แตกต่างกัน
ในปี ค.ศ. 2009 นี้เป็นการครบรอบ 400 ปีของการพิสูจน์แนวคิดเรื่องดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ของ นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส อันเป็นการพลิกคติและโค่นความเชื่อเก่าแก่เรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักวาลของอริสโตเติลที่มีมาเนิ่นนาน โดยการใช้กล้องโทรทรรศน์สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ของกาลิเลโอซึ่งช่วยยืนยันแนวคิดของโคเปอร์นิคัส องค์การสหประชาชาติจึงได้ประกาศให้ปีนี้เป็นปีดาราศาสตร์สากล มีเป้าหมายเพื่อให้สาธารณชนได้มีส่วนร่วมและทำความเข้าใจกับดาราศาสตร์มากขึ้น
วัตถุด้านลึกในท้องฟ้า : Deep Sky Objects
|
จำเป็นต้องใช้เครื่องมือมีประสิทธิภาพ มีความเข้าใจ ด้านรายละเอียดเป็นสำคัญ
และจำเป็นต้องอดทน ต้องรอคอยสภาพอากาศ เตรียมแผนการความพร้อมต่างๆ ให้ดี ต้องศึกษารายละเอียด กลุ่มวัตถุในท้องฟ้า ที่จะดูล่วงหน้าในทุกด้านก่อน การสังเกตการณ์จึงสัมฤทธิ์ผล Deep sky Objects : ความหมายและรายละเอียด เป็นนิยามกำหนด โดยนักดาราศาสตร์สมัครเล่น ได้บรรยายถึงวัตถุในท้องฟ้าซึ่ง อยู่นอกอาณาเขตระบบสุริยะ (Solar System) ประกอบไปด้วย |
การใช้ระยะทางบอกระยะวัตถุ
คำว่า ปีแสง (Light year) คือ การวัดระยะแสง (หรือการแผ่รังสีใดๆ) เดินทางใน สูญญากาศเท่ากับ 1 ปี (ของเขต Tropical zone) โดยมีความเร็ว 300,000 กม. ต่อวินาที เพราะฉะนั้นแสงเดินทาง 1 ปีเท่ากับ 9,500,000,000,000 กม. ดังนั้นเป็นเรื่องยุ่งยากมาก หากกล่าวว่า Andromeda Galaxy มีระยะทางห่างจาก โลก 21,000,000,000,000,000,000 กม. จึงต้องใช้บอกระยะทางแบบ ปีแสง เพื่อให้สะดวกต่อการเข้าใจและการเขียน ว่า Andromeda Galaxy มีระยะทางห่าง จากโลกเท่ากับ 2.3 ล้านปีแสง สำหรับ Astronomical Unit (AU) เป็นหน่วยวัดระยะทางดาราศาสตร์ คิดจากค่า เฉลี่ยระยะทางระหว่าง โลกและดวงอาทิตย์ เท่ากับ 1 AU. (150 ล้านกม. หรือ 93 ล้านไมล์) ซึ่งใช้บอกระยะทางในระบบสุริยะ เช่น ดาวพลูโต (Pluto) มีระยะ ทางห่างจากดวงอาทิตย์ 40 AU. บางกรณี นักดาราศาสตร์ ใช้หน่วยบอกระยะหน่วย parsec ได้โดย 1 parsec เท่ากับ 3.3 ปีแสง เช่น ดวงอาิทิตย์มีระยะทางห่างจากโลก 150 ล้านกิโลเมตร แสงใช้เวลาเดินทาง มาสู่โลก 8.3 นาที เท่ากับภาพดวงอาทิตย์ มิใช่เวลาปัจจุบันเท่ากับโลก แต่เป็น เหตุการณ์อดีต ที่ผ่านมาแล้ว 8.3 นาที ในทำนองเดียวกัน Sirius ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเรา 8 ปีแสง ระยะทางดังกล่าวเท่ากับ แสงเดินทาง 8 ปีเมื่อแสง จึงมองเห็นดาว Sirius แต่เป็นภาพของอดีต 8 ปีที่แล้ว อีกกรณี เช่น บริเวณ Orion nebula มีกลุ่มดาวเพิ่งเกิดใหม่ เมื่อ 1,500 ปี ที่ผ่าน มาเวลาบนโลกขณะนั้น คือยุคอาณาจักร Roman หากเราอยู่ในยุคนั้นไม่สามารถ เห็นกลุ่มดาวเกิดใหม่เหล่านั้นได้เลย ทั้งๆดาวนั้นปรากฏแล้วเพราะการเดินของแสง ต้องใช้เวลา และถ้าระยะ 1,000,000 ปีแสง ของบางกาแล็คซี่ เราก็กำลังมองอดีตที่ผ่านมาเท่า กับระยะ การเดินทางของแสงคือ อดีต 1,000,000 ปี มาแล้ว ไม่ว่าภาพถ่ายใดๆ ที่เราเห็นทั้งหมดของจักรวาล เป็นสิ่งปรากฏขึ้นในอดีตแต่จะ นานเพียงใด ขึ้นอยู่กับระยะ ของตำแหน่งกลุ่มวัตถุนั้นๆ Catalog : ต้นแบบ-แม่บทสำคัญ นักดาราศาสตร์ได้แบ่งประเภทวัตถุบนท้องฟ้า เพื่อสะดวกต่ิอการศึกษาและเพื่อ สังเกตการณ์ โดยจัดทำบัญชีรายชื่อ รายละเอียด พิกัดตำแหน่งดาวและกลุ่มดาว ต่างๆบนแผนที่ดาวในแบบต่างๆ ปัจจุบัน มี Software ที่ทันสมัยและสะดวกขึ้นมีรายละเอียดวัตถุมากกว่า 30 ล้าน รายการในฐานข้อมูล แต่อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นศึกษาสังเกตการณ์แบบ Deep sky Objects จำเป็นต้องเข้าใจ ข้อมูลหลักที่นักดาราศาสตร์อดีตได้ทำการศึกษา ไว้เรียกว่า Catalog แต่ละ Catalog อาจมีกลุ่มซ้ำกันได้ แต่เรียกรหัสชื่อไม่เหมือนกัน สามารถเข้าดูรายละเอียด ตาม Links ดังนี้ |
Messier Catalogue |
โดยนักดาราศาสตร์ ชาวฝรั่งเศส
ชื่อ Charles Messier (June 26, 1730 - April 12, 1817) Messier ข้อมูล 110 วัตถุ (M1-M110) ถือว่าเป็นแบบแผน ที่สมบูรณ์สำหรับการ ศึกษาด้านดาราศาสตร์เบื้องต้น ปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้ทั่วไป |
New General Catalogue and Index Catalogues |
โดยนักดาราศาสตร์ ชาวเดนมาร์ก
ชื่อ John Louis Emil Dreyer (Feb 13, 1852 - Sep 14, 1926) New General Catalogue (NGC) ข้อมูล 7,840 วัตถุ (NGC1 - NGC 7,840) Index Catalogues I & II ข้อมูล 5,386 วัตถุ (IC1 - IC 5,386) |
|
The History of Ancient Astronomy :
ประวัติดาราศาสตร์โบราณ [หน้า 1/2] |
ต้นกำเนิดผสมกันระหว่าง ดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
ดาราศาสตร์ดึกดำบรรพ์ ถือกำเนิดขึ้น ด้วยความแตกต่าง ความเชื่อของศาสนา และวัฒนธรรม จากการเฝ้ามองท้องฟ้าในเรื่องพระเจ้า เหล่าทวยเทพ บนสวรรค์ที่ ดลบันดาลให้เกิดกลางวันกลางคืน เริ่มจาก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ อิทธิพลดังกล่าวในยุคนั้น ทำให้มีบางคนเช่น พระ ผู้นำศาสนา เจ้าลัทธิ เริ่มศึกษา ความเปลี่ยนแปลง เช่น เก็บข้อมูลจัดทำปฏิทิน นำมาบัญญัติโดยผู้ปกครองเล่ากัน เป็นตำนานต่อๆกันมา บรรยายเรื่องราวบนท้องฟ้า ผสมผสานระหว่างดาราศาสตร์ (Astronomy) และโหราศาสตร์ (Astrology) และแนวความเชื่อเรื่องจักรวาล หลักฐานสำคัญเมื่อ 4,500 ปีมาแล้ว บริเวณอาณาเขต Akkadians จักรวรรดิแห่ง แรกของโลก เป็นส่วนหนึ่งของด้านเหนือ Mesopotamia ภายหลังคือ Babylonia (ด้านใต้คืออาณาจักร Sumer) มีหลักฐานชิ้นสำคัญ แสดงว่านักดาราศาสตร์ซึ่ง เป็นผู้นำศาสนาของ Babylonia พยากรณ์การเคลื่อนที่ของ ดวงอาทิตย์ |
| ||
| ||
| ||
| ||
ปฏิทิน คืองานชิ้นสำคัญที่มนุษย์ ใช้วิชาดาราศาสตร์
การเฝ้ามองท้องฟ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงกับโลก อย่างเป็นวัฐจักรมีกลางวัน และกลางคืน มีเวลาเช้า สาย บ่าย ค่ำ ดึก ทำให้มีต้นความคิดกำหนดแบบแผน เปลี่ยนแปลงของสิ่งที่ผ่านไป และสิ่งที่กำลังจะเกิดใหม่ นั่นคือ เวลา อันมีอดีต และอนาคต เชื่อว่าชาวจีนเป็นกลุ่มชนที่ กำหนดวัน เดือน ปี ในปฏิทินมาช้านานแล้ว โดยริเริ่ม จาก Xia หรือ Hsia ราชวงศ์แรกของจีน ก่อนคริสตกาลระหว่าง 1,600-2,100 ปี พบหลักฐานออกแบบไว้ใช้ ในกองทัพ และได้พัฒนาเป็นปฏิทิน ชุดแรกของจีน โดยใช้กลุ่มดาว Big Dipper (ดาวหมีใหญ่) กำหนดเป็นจุดสิ้นสุดของเดือน ต่อมาพบเอกสารแสดงบันทึก แสดงความเคลื่อนที่ ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวด้วยเส้น ทางจันทรคติ 12 เดือน บอกถึงฤดูกาล สำหรับการเก็บเกี่ยว พืชผล และการเลี้ยงสัตว์ แต่อีกฟากโลก ก่อนคริสตกาลประมาณ 2,000-3,000 ปี ชาว Babylonia และ ชาว Egyptians พัฒนาปฏิทิน ด้วยการศึกษากำหนดจากท้องฟ้า เพื่อการเกษตร ทำนายโดยใช้ ดาว เช่น Sirius (ดาวที่สุกใสสว่าง) หรือเกี่ยวกับดวงอาทิตย์และ ดวงจันทร์ แสดงถึง ความเปลี่ยนแปลงผิดปกติด้านอุทกภัย เช่น น้ำท่วม โดยมี 7 วันใน 1 สัปดาห์และ 12 เดือนใน 1 ปี อย่างสมบูรณ์ จากการพัฒนาต่อเนื่อง ยาวนานนับหลายร้อยปี การจัดทำปฏิทิน เป็นการแสดงว่ามนุษย์ได้เริ่มใช้ ขบวนการวิชาดาราศาสตร์และ คณิตศาสตร์ เพื่อประโยชน์ต่อการดำรงชีพอย่างมีแบบแผน ต่อประชากรโลก ทั้งมวล จนทุกวันนี้ |
| ||
| ||
| ||
| ||
แผนที่ดาราศาสตร์โบราณ ชนชาติจีน ก่อนคริสตกาล
นอกจากปฏิทินแล้ว การบันทึกเรื่องดาราศาสตร์ ในประวัติศาสตร์ทางโบราณคดี ของจีนพบว่ามีเอกสารบันทึกเรื่องสุริยุปราคา มานานกว่า 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล บันทึกเรื่องราวกลุ่มดาวเคราะห์ต่างๆ โดยเฉพาะ์ Navigator stars (ดาวนำทาง) และยังพบหลักฐานแผนที่ดาวโบราณ ใช้สำหรับการสอนในโรงเรียนดาราศาสตร์ ชาวจีนโบราณ 700 ก่อนคริสตกาล และยุคต่อมายังมีหลักฐานเครื่องมือด้าน ดาราศาสตร์ในราชสำนักจีนยุคโบราณ นอกจากนั้น Book of silk (แผนที่ดาวโบราณบนผ้าไหม) เป็นเอกสารม้วนยาว 1.5 เมตร ของจีนแสดงชื่อ ดาวหางภาพเขียนประเภทดาวหาง อีก 29 แบบรวม ถึงการเคลื่อนไหว สี ความยาว เรียกว่า Broom stars (ดาวเหมือนด้ามไม้กวาด) ใช้เวลาบันทึกต่อเนื่องราว 300 ปี ได้สำรวจพบในหลุมศพ เมื่อ ค.ศ. 1973 หลักฐานเริ่มแต่ 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล ตามที่กล่าวมา หลังจากนั้น 1,000 ปี ต่อมา เกิดแผนที่ดาว บรรจุหมู่ดาวไว้ 44 กลุ่ม ประกอบด้วยดาว 141 ดวง และ ต่อมา 500 ปีก่อนคริสตกาล มีการเปลี่ยนแปลง ยุคสงคราม (Warring States Period) แสดงกลุ่มดาว Big Dipper (ดาวหมีใหญ่) เพิ่มหมู่ดาวอีก 28 กลุ่ม ช่วงก่อนคริสตกาล 221-475 ปี แผนที่แสดงหมู่ดาว 75 กลุ่ม บริเวณตรงกลาง แผนที่ และจำนวนหมู่ดาว 42 กลุ่มไว้รอบๆ โดยมีรายละเอียด ดาว 510 ดวง ใน 18 หมู่ดาว ก่อนคริสตกาล 350 ปี นักดาราศาสตร์ Shi Shen จัดทำแผนที่หมู่ดาว 138 กลุ่ม มีรายชื่อดาว 810 ดวง ตำแหน่งดาว 121 ดวง รวมถึงจันทรุปราคา ต่อมามีการ สำรวจ ปรับปรุงเรื่อยมานับหลายสิบครั้ง ช่วงต้นคริสต์ศักราช Han Grave Mural Star Chart มีรายละเอียดดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ดาวอีก 10 ดวง ต่อมา ค.ศ. 193 แผนที่ดาวของ Whole Sky Star Maps มีดาว 1,464 ดวง กลุ่มดาว 248 กลุ่ม ครั้นถึงยุค Southern Dynasties Period ได้นำสี แดง ขาว ดำ มาใช้แสดงใน Whole Sky Planetarium ถัดมา ค.ศ. 526 ในยุค Northern Wei Grave Dome Star Map แสดงตำแหน่งของ The Milky Way หลังจากนั้นก็ยังเพิ่มเติมเรื่อยมา อีกมากกว่า 30 ครั้ง |
| ||
| ||
| ||
| ||
| ||
| ||
| ||
| ||
|
| ||
| ||
| ||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น